ที่หนึ่ง

ไลนัสเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งเมื่อเขาไปพูดที่กูเกิลว่า ผู้คนมักถามเขาว่าอนาคตของลินุกซ์จะเป็นอย่างไร

ความเชื่ออย่างหนึ่งของคนทั่วไปคือการที่บุคคลที่ทำอะไรที่ “remarkable” ได้นั้น “น่าเชื่อได้ว่า” พวกเขาเหล่านั้นมักจะมีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคต แม้จะสักหน่อยหนึ่ง

กลับข้างกัน ความเป็นเหตุเป็นผลของความเชื่อนี้ มักจะกลายเป็นว่า “เพราะเขารู้อนาคต เขาจึงสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่”

แน่นอน ความสามารถในการมองแนวโน้ม การจับกระแสอย่างถูกทางเป็นเรื่องสำคัญ และมีผลเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นจริงคือคนที่อยู่ที่หนึ่งได้นั้น มักจะไม่ได้มากจากการทำ “ถูกเสมอ”

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความทนทานต่อความผิดพลาดต่างหากเล่า

File-KL_Intel_Pentium_A80501 (1)

จำบั๊กในชิปเพนเทียมกันได้ไหม ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว Andrew Grove เคยถูกโทรศัพท์ปลุกขึ้นมาจากการตัดสินใจผิดพลาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนชิปเพนเทียมที่มีปัญหา ความเสียหายมูลค่ามหาศาล ทั้งในแง่ของการจัดการเปลี่ยนชิป “ทีละตัว” ให้กับผู้ใช้ทุกคน ทั้งในแง่ของชื่อเสียงและภาพพจน์ที่ป่นปี้ไปในชั่วเวลาไม่กี่วัน

ไมโครซอฟท์นั้นจัดได้ว่า “วืด” ยุคอินเทอร์เน็ตไปแล้วครั้งหนึ่ง Windows 3.1 นั้นไม่มีกระทั่ง IP-stack ในตัว (จำ trumpet winsock กันได้ไหม?) ไม่ต้องพูดถึงบราวเซอร์ที่ Netscape นั้นครองตลาดไปอย่างเบ็ดเสร็จ

โซนี่ทำแบตเตอรี่เสี่ยงต่อการระเบิดทีเป็นแสนชุด MemoryStick ที่บอกได้ว่า “ไม่รอด” โตชิบานั้นทำใจกับ HD-DVD ไปแล้ว

ความหายนะเกิดขึ้นเสมอ เมื่อคุณทำอะไรบางอย่าง จุดสำคัญที่สุดอาจจะไม่ใช่ว่าทำอย่างไรจึงจะถูกต้องเสมอ แต่เป็นการแก้ไขได้อย่างถูกต้องเมื่อคุณทำผิดต่างหาก

แม้ว่าจะมีลูกตุกติกอยู่บ้าง (ผิดถูกก็ว่ากันไป) แต่ต้องยอมรับว่าไมโครซอฟท์ทำเกมกับอินเทอร์เน็ตได้ตรงประเด็น จากการทิ้ง MSN ที่มัวแต่หลงทางไปแข่งกับ AOL มาพัฒนาบราวเซอร์, ซื้อ Hotmail, พัฒนา MSN Messenger

ผมไม่เชื่อนักว่า IE ครองตลาดเพราะลูกตุกติกเพียงอย่างเดียว ในสมัยหนึ่งแล้ว IE เป็นบราวเซอร์ที่ทันสมัย เด็มไปด้วยฟีเจอร์ “วื๊บว๊าบ” เพราะยุคนั้นมันแข่งกันอย่างนั้น ไม่ต้องถามหามาตรฐานกัน แถม Frontpage ก็ช่วยสอนเด็กๆ สร้างเว็บมานักต่อนัก

ภูเขาลูกนั้นไมโครซอฟท์ข้ามมาได้ และไมโครซอฟท์ก็ได้ “อิทธิพล” ในตลาดอินเทอร์เน็ตมาจนทุกวันนี้ ภูเขาลูกหน้าคือ Mobile Internet นั้นไมโครซอฟท์ก็ทำท่าจะวืดไปแล้วอีกครั้ง W3C ที่กลับมามีอิทธิพลอีกครั้งก็ดูจะอยู่นอกเรดาร์ของไมโครซอฟท์นานเกินไป

กลับมาดูปาล์มที่วืดไปจากตลาด Smartphone รอบแรกทั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก จากการครองตลาด PDA แบบเบ็ดเสร็จ ผมเองเขียนข่าวไอทีในบล็อกตัวเองครั้งแรกๆ ก็เพราะอ่านข่าวปาล์มจำนวนมาก เพื่อจะหาข้อมูลซื้อใช้เองด้วยซ้ำไป และสุดท้ายก็ได้ Zire 72 มาใช้งาน จนทุกวันนี้ก็ยังใช้งานอยู่ แต่ปาล์มเองกลับไม่สามารถออกโทรศัพท์ได้ จนกระทั่งมีบริษัทอื่นมาซื้อ OS ไปทำโทรศัพท์

แต่การแก้ปัญหาของ Palm กลับไม่ได้ดึงปาล์มกลับมาได้ดีพอ การเข้าซื้อ Handspring ช่วยซื้อเวลาให้ปาล์มอยู่ไม่นานนัก สัดส่วนตลาดลดลงราวกับเลือดที่ถูกสูบออก การกลับตัวไม่ทันส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่จนกระทั่งการวางตลาด Palm Pre ที่ดูจะ ช้าเกินไป น้อยเกินไป และอิทธิพลของปาล์มนั้นไม่พอที่จะดึงตลาดได้อีกต่อไป

ความผิดพลาดในวันนั้นเป็นแผลที่ปาล์มไม่มีวันลืม

ว่ากันว่าอุปสรรคช่วยให้เราแข็งแกร่ง บริษัทจำนวนมากที่อยู่เป็นอันดับหนึ่งหลายครั้งสร้างแผนกที่ซ้ำซ้อนเพื่อแข่งกันเอง บริษัทรถใหญ่ๆ มักแบ่งทีมออกแบบเป็นหลายชุดเพื่อสร้างการแข่งขัน ฝ่ายไอทีหลายๆ ที่สร้าง “ฝ่ายแฮกเกอร์” ขึ้นมาเป็นศัตรูกัน

การทำถูกเสมอ ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจนัก ผู้บริหารที่ดีมักตั้งคำถามว่า “แล้วถ้ามันผิด” จะเกิดอะไรขึ้นกัน ครึ่งหนึ่งที่เราผิดพลา มันจะพาให้เราล่มจไปกับมันเลยไหม?

 

ครั้งเดียวในชีวิต

ช่วงเวลาตลอดชีวิต มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผมเห็นคนจำนวนมากร่วมกันทำเพื่อเป็นความทรงจำ “ครั้งหนึ่งในชีวิต”

เราพยายามทำสิ่งเหล่านั้น เพราะโอกาสมันจะไม่หวนมาอีกครั้ง

ความทรงจำเหล่านั้นเหมือนสิ่งที่เชื่อมต่อเราเข้าหากัน แต่ถ้าเรากลับมามองความทรงจำที่เรามีแล้ว สิ่งที่เชื่อมความทรงจำของเราเข้ากับใครสักคนอาจจะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่ มันอาจจะเป็นแค่กาแฟสักแก้ว เค้กสักก้อน ขนมสักถ้วย

มันไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่อะไรที่เราจะไม่เจอมันอีกครั้งตลอดชีวิต

แต่มันก็เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่เราจะได้สัมผัสกับช่วงเวลานั้น

 

รถไฟฟ้ามาหานะเธอ….

    เคนใช้ ThinkPad

  • รุ่นไรว่ะ ตกสองทีจอกระจายเลย (thaithinkpad)
  • เหมยลี่ใช้มือถือจีนแดงมั๊ง หารุ่นไม่เจอ แต่มี GPS ด้วย
  • เหมยลี่ขับ Vios
  • เหมยลี่ใช้โน้ตบุ๊ก HP เหมือนจะ dv2 แต่ไม่แน่ใจ

บ้านที่เคนอยู่ อยู่ที่เจริญกรุง 32 ของจริงท้ายซอยนั้นเป็นสถานทูตโปรตุเกศ


View Larger Map

  • คุ้นๆ ว่าบ้านเหมยลี่อยู่ซอย 30 ห่างกันซอยเดียว แต่ไม่แน่ใจ
  • นั่งรถไกลโคตร แต่ดาดฟ้ามองเห็นรถไฟฟ้าอย่างใกล้
  • ถ้าห่างกันซอยเดียวทำไม “คนนี้พี่ขอ” มันนานจัง
  • Lumix อันนี้คงเห็นกันแล้วใน trailer
  • ไม่รู้ว่าโฆษณาแฝงรึเปล่า เพราะเห็นชัดมาก แต่ถ่ายมาเบลอมันทุกรูป
  • นั่งหาข้อมูล BTS Family Day ไม่พบ คงไม่มีจริง
  • หา McBright Comet ไม่เจออีกเหมือนกัน ดาวหางที่จะไม่กลับมาสู่โลกอีก??? (มีด้วยเรอะ?)
  • สองปีผ่านไปในแบบ not to scale
  • เหมยลี่รวยจัด ใช้ BB Curve + iBook

สุดท้ายนี้ ทั้งเรื่องจำได้ประโยคเดียว

ขอโทษด้วย ไม่กล้าโทรจริงๆ

ไม่ใช่ผมคนเดียวสินะ…

 

อย่าเอามาห่ม

สิบกว่าปีก่อน เมื่อครั้งผมเริ่มมีความคิดอ่านเป็นของตัวเองในระดับหนึ่ง มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผมอยากดึงว่าไว้กับตัว

ในฐานะนักเรียนนักศึกษา การได้ใบรับรองสักใบจากสักสถาบันที่ดูยิ่งใหญ่มีคนเก่งๆ ทำงานอยู่มากมายนั้นเป็นเรื่องที่เจ๋งมาก ผู้รู้สึกว่าตัวเองเจ๋งขึ้นมาทันที เมื่อได้ถือใบรับรองเหล่านั้น

กาลเวลาเปลี่ยนไป ความคิดเปลี่ยนไป

โลกที่กว้างขึ้นบอกผมได้หลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นคือสิ่งที่เราคิดว่าเจ๋งอาจจะไม่ได้เจ๋งขนาดนั้น หลายครั้งความเจ๋งเหล่านั้นก็ไม่ได้พาให้เราพัฒนาตัวไปได้สักเท่าใหร่กัน

ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยบอกผม เมื่อผมไปนั่งบ่นถึงความผิดหวังของสถาบันที่ผมคาดหวังไว้มากมายให้ฟัง คำตอบสั้นๆ ต่อคำบ่นยาวๆ มีเพียงว่า “เข้าไปเปลี่ยนมันสิ”

“เข้าไปเปลี่ยนมันสิ”…..

จากความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ ทุกสิ่งมีจุดบอดเสมอ ทุกสิ่งมีเรื่องให้เราพร่ำบ่น

ผมพบว่าความผิดพลาดไม่ได้อยู่ที่มีความบกพร่อง ความผิดพลาดมันอยู่ที่เราเลือกที่จะยอมแพ้กับความบกพร่องเหล่านั้นต่างหาก

เราคาดหวังถึงสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ เราคาดหวังกับโทรศัพท์สักเครื่องว่ามันจะทำให้เราดูดีขึ้น เราคาดหวังกับปริญญาสักใบว่ามันจะบอกว่าเราช่างทรงภูมิเสียเพียงใด

ในโลกเทคโนโลยี ผมยังไม่เคยเจอโทรศัพท์ที่ดีพร้อม ในโลกการศึกษาผมยังไม่เคยพบสถาบันที่ไร้จุดบกพร่อง

มันอยู่ที่เราจะรอสิ่งที่ดีพร้อม แล้วนำมาเป็นเครื่องบอกว่าเราดีพร้อม หรือในความไม่พร้อมเช่นนั้น เราจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ด้วยมือของเรา แล้วเมื่อวันหนึ่ง เมื่อสิ่งเหล่านั้นมันดีขึ้น เราจะมองย้อนกลับไปแล้วอมยิ้มอย่างภูมิใจที่เคยได้เดินทางร่วมกับมัน