Threat Vector (Spoil)

  • ไม่ได้อ่าน Tom Clancy มานาน และอ่านข้ามไปข้ามมา เรื่องล่าสุดที่อ่านน่าจะ The Cardinal of Kremlin
  • เนื้อเรื่องบรรยายถึงสงครามในอนาคตที่มีห้ามิติ (น้ำ, บก, อากาศ, สายลับ, และไซเบอร์) ไซเบอร์สำคัญสุด
  • เรื่องราวของไซเบอร์แม่นยำอย่างน่าทึ่ง เมื่อคิดว่าหนังสือมันออกมาก่อนยุค Snowden และ Hacking Team (หนังสือออก 2012 Snowden เปิดข้อมูล 2013) ที่เรามีข้อมูลให้ศึกษามากขึ้นมาก
  • ที่เวอร์ไปมากคือใครเจอ 0-day โดยจีนเก็บหมด ข้อมูลช่วงหลังโดยเฉพาะ Hacking Team แสดงให้เห็นว่ามูลค่ามันไม่ได้มากขนาดนั้น ซื้อกันดีๆ ก็ได้ แค่แพงหน่อย และมีคนคุ้ยช่องโหว่อยู่ไม่น้อย
  • ฉากต่อสู้ยังได้อารมณ์ Tom Clancy อยู่ แม้จะเป็นคนเขียนร่วม (Mark Greaney) แล้ว สเปคเครื่องบิน พิสัยบิน สเปคปืนมาเต็ม
  • ฮาร์ดดิสก์เยอรมันนี่มั่ว ให้สมจริงไม่ไทยก็น่าจะจีน
  • Master Boot Record ก็มั่ว ใครจะเอาฮาร์ดดิสก์เข้า data center โดยไม่ล้างทิ้ง? ทำจริงคงต้องใส่เฟิร์มแวร์
  • USB เสียบมือถือก็ดูมั่วๆ อีก เขียนให้สมจริงอาจจะต้องใช้ช่องโหว่ Firewire แต่อันนี้พอให้อภัยได้เพราะคนเขียนไม่ลงรายละเอียด ละไว้ว่ามีช่องโหว่ที่เราไม่รู้
  • เรื่องทางเทคนิคพอให้อภัยกันได้ แต่ที่แย่คือตอนจบ จบปาหมอนมาก
  • สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไประเบิดตึกกลางเซี่ยงไฮ้ นอกจากไม่น่าจะปิดสงครามได้แล้ว ยังน่าจะเป็นชนวนยกระดับสงครามไปเป็นสงครามเต็มรูปแบบ
 

ติ่ง, first time

CaEQ-fjUMAASHpj

  • จำไม่ได้แล้วว่าคิดยังไงถึงไปดู แต่รู้ว่าซื้อเองไม่มีทางได้ดู เลยฝากเพื่อนๆ น้องๆ ใน TL
  • วันจองลองกดเองทีนึงด้วย แล้วเข้าไปได้ แต่เลือกที่นั่งซ้ำ พอเด้งออกมาเว็บล่ม กลับเข้าไปไม่ได้อีกเลย
  • สุดท้ายฟอร์ดกดให้ได้ ก็โอเค ได้ดูก็ดี
  • วันจริงไปตั้งแต่บ่ายสามให้ได้ที่จอดฟรีตรงลานตรงข้าม แล้วไปนั่งเขียนบทความที่ค้างไว้ต่อ
  • แต่งตัวไม่เข้ากับบรรยากาศใดๆ ใส่ยืนและเสื้อ Go Lang นั่งเขียนบทความ FinTech ถึงสี่โมงกว่า
  • เข้าคอนเสิร์ตไปก็ไม่มีแท่งไฟ…. มองซ้ายมองขวาแล้วเออ ไม่เข้าพวกจริงๆ ด้วย
  • และร้องเพลงอะไรไม่ได้สักเพลง มาฟังอย่างเดียว
  • เป็นคอนเสิร์ตที่ไม่ยาวมาก สองชั่วโมงครึ่งไม่มีพัก
  • คิดว่าดูคอนเสิร์ตกับการแสดงสดมาก็ไม่น้อย แต่รอบนี้คนในฮอลล์นี่ … “มีอารมณ์ร่วม” สูงมาก ผมเป็นหลุมดำ
  • production น่าจะดีที่สุดเท่าที่เคยดูคอนเสิร์ตมา ไฟ แสง พร็อบ มาเต็ม พร็อบเยอะกว่านี้คงเป็นละครเพลงแล้ว
  • ระบบเสียงมีพลาดบ้าง เสียงเบาดังผิดคนผิดจังหวะ ไม่รู้ว่าเพราะ sound engineer มิกซ์ผิดหรือไมค์หลุด แต่ไม่สำคัญนัก เพราะคนข้างหลังคุณจะอินและร้องจนเพลงบนเวทีเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง
  • แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมันไม่ใช่การไป “ฟังเพลง” แต่เป็นรายการ entertain รวมๆ บรรยากาศมันได้ คนบนเวทีเล่นด้วย โปรดักชั่นส่ง มันก็สนุกดี (แต่ผมก็ยังเป็นหลุมดำของคอนต่อไป)
  • จุดรำคาญที่สุดของคอนคือพอคนข้างหลังกรี๊ดแล้ว “หูลั่น” (ในหูผมเอง) อาจจะต้องไปหาหมอแล้ว
  • มีโอกาสอีกก็คงไปดูอีกล่ะ
 

แอปดาวเหนือ

วันนี้นักข่าวมาถามเรื่องแอปดาวเหนือ โดยรวมๆ ก็ตอบไปหลายประเด็นแต่คิดว่าคงได้ออกบางส่วน (ปกติของทีวีที่เวลาจำกัด) เอามารวมๆ ไว้ตรงนี้อีกที

  • ปัญหาการเปิดเผยข้อมูลเกินจำเป็น ส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เป็นปัญหาของกระบวนการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐโดยทั่วไป มุมมองผมคือการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองก็เป็นปัญหา (อันนี้ไม่ได้พูด) การเปิดเผยเกรดนักเรียนนักศึกษาขึ้นเว็บ การเปิดเผยข้อมูลผู้เข้าสอบ ฯลฯ กระบวนการพวกนี้ไม่มีการตรวจสอบผู้เข้าดูข้อมูลที่ดีพอ หลายครั้งเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องมาด้วย ตัวอย่างเช่นการตรวจสอบข้อมูลผู้ไม่ไปเลือกตั้ง กลับเปิดข้อมูลวันเกิดมาด้วย จะเปิดทำไม และประวัติการไปหรือไม่ไปเลือกตั้งควรเป็นข้อมูลส่วนตัวของผมเองที่คนอื่นที่รู้หมายเลขบัตรประชาชนผมไม่ควรอ่านได้โดยอัตโนมัติ
  • ความคุ้มค่าในการทำแอป อันนี้ผมตอบไปว่าไม่รู้ กกต. ควรมีข้อมูลว่ามีปัญหาจริงหรือไม่ มีคนจำนวนมากหาหน่วยเลือกตั้งไม่เจอหรืออย่างไรจึงต้องอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม ถ้ากกต. มีข้อมูลส่วนนี้ ว่ามีคนจำนวนมากหาหน่วยเลือกตั้งไม่เจอจริงๆ และในคนกลุ่มนั้นมีจำนวนมากพอที่จะลงทุนทำแอปก็อาจจะคุ้มก็ได้ แต่กกต. ควรตอบคำถามว่ากระบวนการตัดสินใจทำแอปมีที่มาอย่างไร ทำไมจึงคิดว่ามันคุ้มค่า
  • การเปิดเผยข้อมูล กระบวนการเปิดเผยข้อมูลพร้อมใช้สำหรับคนทั่วไป (ทำแอป ทำโปสเตอร์ ยิงโฆษณา ฯลฯ) เป็นเรื่องทำได้ และควรทำในหลายกรณี แต่ข้อมูลรัฐที่ใช้เงินภาษีจัดทำมาควรเปิดเป็นข้อมูลเปิดให้คนอื่นๆ ไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข เช่นกรณีนี้กกต. ควรเปิดข้อมูลหน่วยเลือกตั้งและพิกัดทั้งหมดโดยไม่มีข้อมูลส่วนตัวประชาชน ออกมาเป็นไฟล์ที่คอมพิวเตอร์เข้าอ่านได้ง่าย เช่น XML, JSON, CSV (ชื่อฟอร์แมตไม่ได้พูด จะ geek เกิน) แนวทางนี้ควรถูกวางให้กับหน่วยงานทุกหน่วยงานที่ใช้ภาษีเก็บข้อมูลมา เช่น พิกัดโรงงาน, ระดับน้ำในคลองของกทม. ฯลฯ
 

ผู้ใหญ่

สมัยเรียนเริ่มเรียนปริญญาตรีไม่นาน วันหนึ่งผมได้รับโทรศัพท์ตอนตีสอง เพื่อนคนหนึ่งโทรมาแล้วบอกสั้นๆ ว่าคนที่มันชอบตกลงเป็นแฟนกับคนอื่นไปแล้ว แล้วมันก็เงียบ

ผ่านไปหลายปีมันก็มีช่วงเวลาผมเองก็มีเวลาทำอะไรแปลกๆ แบบนั้นบ้างเมื่ออารมณ์ขึ้นสุดลงสุด ทำเอาคนรอบข้างกังวลอยู่หลายครั้ง

แล้วมันก็ผ่านไป ช้าบ้างเร็วบ้าง สุดท้ายมันก็ต้องกลับมาเรียน กลับมาทำงาน

แล้วมันก็ผ่านไป

วันหนึ่งที่มีเรื่องเข้ามากระทบอีก รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองทำตัวแทบจะปกติ ไม่มีความอยากบอกใคร ไม่มีความอยากให้ใครมาสนใจ แค่อยากให้ทุกอย่างเหมือนวันปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพราะเดี๋ยวมันก็ผ่านไป