Kid

When I was young, I had an idea came up into my head. It was the idea that said “We learn english just for learn knowledges from the westerners”. That idea made me to tried very very hard to develop my reading skill, as a consequence, I could read an overtime reading in just a few hours. Nevertheless, from time to time, I realized that English is not about learning only, it is about communications, therefore, I can not complete the communication with just reading but only combination of speaking, writing and listening too.

The bad news was I told no one about that bad idea, as a result, no one ever warn me to spent some effort to develop other skills I would be need in future. Currently, all communication skills in English are equally important to me. I’m still have to read very much text but as much as I have to speak, listen and write. Nowever, with only strength reading skill, I found it quite suffer from lacking of other skills.

Fortunately, I love to watch films without any kind of translations in last few years. It gave me a lot of passion to develop listening skill and it was a quite good starting point to improve speaking, as well.

From now on, with full awareness of real world usage, I intend to fullfill those skill I missed to strengthen my weakness from when I was young. I am aware that developing those skill at this age is much more harder but no one ever died from learning, did not it?

 

ไม่เป็นไร

ขณะที่เรายอมไม่ได้กับความผิดแม้แต่เล็กน้่อย แต่มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจะต้อง “พังบ้านเพื่อจับหนู”

การทำใจยอมรับความชั่วร้ายแม้จะเล็กน้อยก็เป็นความผิด เพราะความชั่วที่ยิ่งใหญ่ก็เริ่มต้นจากความชั่วเล็กๆ เหล่านั้น

แต่การทำชั่วเพื่อเอาชนะความชั่วอีกอย่างหนึ่งก็ไม่ใ่ช่ทางออกที่ดี และอาจจะเป็นการชั่วร้ายที่ยิ่งกว่า

Don’t let evil get the best of you; get the best of evil by doing good.
Romans 12:21 (The Message)

 

Change

นั่งอ่านหนังสือ Marketing Management ของ Philip Kothler แล้วเจอหมวดที่น่าสนใจ ในเรื่องของกระแสความเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยเนื้อหาส่วนนี้พูดถึงความเปลี่ยนแปลงในตลาดสามแบบใหญ่ๆ คือ

  1. กระแส (Fads) เป็นแค่สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรไว้อย่างถาวร
  2. แนวโน้ม (Trends) คือความเปลี่ยนแปลงที่คงอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกับสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างไว้เบื้องหลัง
  3. คลื่นยักษ์ (Megatrends) ความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ และสร้างผลกระทบที่หนักหน่วงจนเกือบถาวร

ข่าวร้ายสำหรับชาวไอทีคือเรามีความเปลี่ยนแปลงให้ดูกันทุกวัน จนต้องนั่งเดากันไม่ถูกว่าอะไรจะมาอะไรจะไป และยิ่งกว่านั้นความเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดเป็นได้แค่กระแส แนวคิดจำนวนมากตายหายไปกับผู้สร้างมันโดยไม่เคยได้รับความนิยม (ยกเว้นช่วงเปิดตัวสั้นๆ) อย่างจริงจัง

แต่ถ้าใครจับกระแส หรือคลื่นยักษ์ได้เล่า ในโลกไอทีแล้วนั่นคือผลประโยชน์มหาศาลที่ยากจะมีใครเทียบได้ ลองมาไล่เรียงกระแสสำคัญๆ ที่เราเห็นในช่วงหลายปีมานี้ดู

  1. บล็อก
  2. Wiki อันนี้บ้านเราแทบจะเรียกว่าดับสนิท
  3. Always On Connection ตั้งแต่ ADSL, Wi-Fi ไปจนถึง GPRS แบบรายเดือน
  4. MP3 นี่น่าจะเป็น Megatrends

จริงๆ แล้วยังมีเทคโนโลยีอีกหลายๆ ตัวมากๆ แต่ที่น่าสนใจกว่าคือเราจะรู่ได้อย่างไรว่าตัวต่อไปมันคืออะไรกัน

เราอาจจะใช้มันอยู่แต่คิดว่ามันไม่เจ๋งเท่าใหร่ก็เป็นได้ จริงไหม

 

วิศวกร

วิศวกรคืออะไร?  สำหรับเด็กป. ตรีเมืองไทยหลายๆ คน (น่าจะเยอะด้วย) วิศวกรไม่ต่างอะไรไปจาก “Yet another science faculty with higher average salary” (ขอไม่แปลแล้วกัน)

โดยเนื้อแล้ววิศวกรนั้นต่างจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทรัพยากร ขณะที่นักวิทยาศาสตร์มุ่งทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คำตอบดังที่หวัง โดยไม่สนใจว่าคำตอบนั้นจะสามารถนำมาใช้งานได้จริงหรือไม่ หากความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ท่านนั้นมีเอกลักษณ์ (Unique) ก็ถือได้ว่ามันมีคุณค่าแล้วในเชิงวิทยาศาสตร์

ขณะที่วิศวกรสนใจการใช้งานในโลกความเป็นจริง (ณ ตอนที่ศึกษาความรู้นั้นๆ)  อยู่ด้วย

……

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ราชาประเทศที่อุดมไปด้วยน้ำมันเรียกสุดยอดวิศวกร กับสุดยอดนักวิทยาศาสตร์มาพบ แล้วบอกถึงประสงค์ว่า ราชาต้องการสร้างการเดินทางทะลุกำแพง โดยให้ทั้งสองคนทำงานแยกกันอิสระ

นักวิทยาศาสตร์เริ่มระดมทีม นักวิทยาศาสตร์จำนวนมหาศาล กับเครื่องมือแยกมวลสารที่เพิ่งออกจากห้องวิจัย หลังจากทำการพัฒนาอยู่สิบปี ใช้ทีมงานกว่าร้อยคน เครื่องเทเลพอร์ตก็สำเร็จลง สามารถเดินทางทะลุกำแพงได้สำเร็จ

เขานำงานไปเสนอต่อราชา แล้วถามถึงผลงานของวิศวกรที่ทำงานแข่งกับเขา

ราชาตอบนักวิทยาศาสตร์ว่า “เขากลับบ้านไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่เราสั่งงานนั่นล่ะ”

นักวิทยาศาสตร์ถาม “เขาไม่รับงานนี้หรือ?”

“เปล่า เขาสร้างประตู”

……

เรื่องข้างบนเล่ากันเล่นๆ แต่จริงๆ แล้วงานทางวิทยาศาสตร์แบบบริสุทธิ์ยังคงจำเป็นมาต่อโลกของเรา ถ้าเราได้อ่านหนังสือเล่าชีวิตนักคณิตศาสตร์ (ซึ่งน่าจะเป็นสาขาที่บริสุทธิ์มากๆ ของวิทยาศาสตร์) จะพบว่าหลายๆ เรื่องที่ตอนที่เราคิดนั้นอาจจะหาคำตอบไม่ได้ว่าจะใช้งานอะไร แต่มันจะมีคุณค่าอย่างล้นเหลือเมื่อเราต้องการมัน