ถ้าใครอ่านโคนัน (ซึ่งผมเลิกอ่านไปแล้ว) จะพบคดีสุดคลาสสิคคือคดีห้องปิดตาย ที่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ไม่มีใครเข้าออกได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ
คดีห้องปิดตายเป็นรูปแบบหนึ่งของเทคนิคการเขียนนิยายที่สร้างเงื่อนไขที่จำกัด เพื่อชวนให้ผู้อ่านสามารถคิดตามไปด้วยได้เสมอ เพราะเราสามารถตัดตัวแปรอื่นๆ ที่ผู้เขียนบอกไว้อย่างชัดแจ้งว่าไม่ต้องคิด เช่น กุญแจรุ่นพิเศษไม่มีกุญแจผีแถมปั๊มไม่ได้ (รุ่นไหนว่ะ จะซื้อไปขายธนาคาร) หรือจะเป็นกำแพงหนามาก ฯลฯ
กลับมาในโลกความเป็นจริง การที่เราจำกัดความคิดของเราไว้เพียงแค่นั้นโดยมากแล้วเพื่อผลประโยชน์หลายๆ ด้าน โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรที่คนสร้างสรรจะไม่ถูกกำหนดด้วยตัวแปรจำนวนมากเกินไป เช่น ในแง่ของงานวิจัยนั้น แทบทั้งหมดต้องอาศัยการกำหนดเงื่อนไขยาวเป็นหางว่าวเพื่อระบุว่าเทคนิคอะไรบางอย่างนั้นดี แล้วปล่อยให้งานวิจัยชิ้นต่อๆ มาสามารถเรางานเดิมไปทดลองได้ว่างานนั้นดีกับกรณีอื่นๆ ด้วยหรือไม่
ที่ร้ายคือหลายๆ ครั้งแล้วเราคิดไปเองว่าเงื่อนไขในโลกความเป็นจริงนั้นจะตรงกับเงื่อนไขของโลกจำลอง ความคิดแบบนี้ทำให้กระบวนการตัดสินใจบิดเบี้ยวไปจากที่มันควรจะเป็น
เรื่องพวกนี้ในโลกความเป็นจริงมีอยู่เป็นจำนวนมาก เรื่องที่ผมเห็นจากการทำงานคือ การที่นายจ้างคิดว่าลูกจ้างจะไม่บอกเงินเดือนกันเอง ซึ่งไม่เป็นจริงอย่างรุนแรงในสังคมกันเองๆ แบบไทยๆ
ที่น่าสนใจคือหลายๆ ครั้งการไม่สนใจตัวแปรบางตัวก็ได้ผลดีมากในหลายๆ กรณี แม้ว่าความคิดเริ่มต้นจะไม่จริง แต่การไม่สนใจตัวแปรเหล่านั้นกลับช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรได้มากขึ้น และผลลัพธ์ยังคงถูกต้องดี
นักบริหารที่เก่งคงเป็นคนอีกกลุ่มที่เลือกไม่สนใจบางเรื่องได้เป็นอย่างดี