value

เวลาที่เรารักใครสักคน สิ่งหนึ่งที่เราอยากได้กันเสมอๆ คืออยากทำให้ชีวิตของเขาคนนั้นมีความสุขขึ้นมาบ้าง หรืออีกทางคือเมื่อเขามีความทุกข์ก็อยากมีส่วนให้เขาทุกข์น้อยลงสักหน่อย

แต่น่าเศร้า ที่ในโลกความเป็นจริงแล้ว หลายๆ ครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ คือการนั่งนิ่งๆ และรับฟังเท่าที่คนๆ นั้นจะยินดีเล่าความทุกข์ใจให้เราฟัง แม้เราจะพยายามคิดไปมากเพียงไรว่ามีอะไรบ้างที่เราทำได้ แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่าจริงๆ แล้วเราทำอะไรกับมันไม่ได้มากนัก

เมื่อถึงเวลาเช่นนั้น เราอาจจะรู้สึกด้อยค่าลง และเริ่มไม่เคารพตัวเอง

เราอึดอัดที่เราทำอะไรไม่ได้…..  แล้วเราก็เริ่มคิดว่าตัวเองด้อยค่าลงไปอีก

มันเป็นเรื่องดีมากๆ ที่เราสามารถส่งความปรารถนาดีบางอย่างไปให้กับคนที่มีปัญหาได้เสมอ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในปัญหาใด และเราจะอยู่ในสถานะใดๆ

มีช่องทางไหนไหม ที่ในเวลาที่คุณอยากเขาถึงใครสักคนเพื่อแสดงความปรารถนาดี ความห่วงใย และความรักนั้นแล้ว คุณสามารถส่งผ่านไปให้เขาได้เสมอๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงโอกาส เวลา และสถานที่

ถ้าคุณมี ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยนะ

 

JS or not JS

ช่วงนี้มีโอกาสได้ทำเว็บที่มีความต้องการแปลกไปจาก Blognone บ้างเลยพบว่ามีความต้องการใช้ลูกเล่นที่มากกว่าปรกติ เลยมีประเด็นที่น่าคิดขึ้นมา

เรื่องของเรื่องคือโมดูล Nice Menus  ของ Drupal ที่เวอร์ชั่นหลังๆ มีความพยายามในการขจัดการใช้งาน JavaScript ออกไปให้มากที่สุดโดยล่าสุดสามารถขจัดออกไปจากการใช้งานเว็บใน Firefox ได้แล้ว ส่วน IE ยังต้องพึ่ง JQuery กันต่อไป

ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อผมต้องการ Customize บางอย่างที่เหนือความสามารถของ CSS แล้วทำให้ต้องไปดึง JQuery กลับมาใช้งานอยู่ดี

เรื่องนี้ทำให้น่าคิดว่าบางทีแล้ว การใช้งาน JS ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายจนเกินไป โดยเฉพาะหากเว็บไม่ได้ช้าอะไรมากมาย และการใช้งานนั้นลดระยะเวลาการพัฒนาเว็บลงได้อย่างมีนัยยะ

หลายคนอาจจะเถียงว่า CSS นั้นควรทำหลายๆ อย่างได้โดยไม่ต้องพึ่ง JS ที่ทำให้เครื่องผู้เข้าชมเว็บช้าโดยไม่จำเป็น

แต่หลังจากพยายามปล้ำกับมันมานาน ตอนนี้ผมยอมแพ้แล้วขอใช้ JQuery ให้สบายใจดีกว่า

 

National OpenID

ประเด็นของพรบ. ความผิดที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์สร้างความกังวลให้กับ “ผู้ให้บริการ” จำนวนมหาศาล ที่ต้องกังวลว่าจะต้องรับผิดชอบความผิดที่ตัวเองไม่ได่ก่อไปด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นการเก็บหมายเลขบัตรประชาชนที่เป็นที่ถกเถียงกันมานาน

เรื่องที่แย่อย่างหนึ่งคือเป็นเรื่องลำบากเป็นอย่างมากสำหรับผู้ให้บริการที่ต้องการให้ชุมชนของตนเป็น “สีขาว” ด้วยวิธีการที่ว่าทุกคนสามารถยืนยันตัวตนได้ว่ามีตัวตนจริงในประเทศไทย

OpenID เป็นมาตรฐานการยืนยันตัวบุคคลที่กำลังได้รับการยอมรับอย่างกว้าง ข้อดีของมันคือการที่ OpenID เป็นมาตรฐานเปิด ซึ่งหมายความว่ามันไม่ผูกกับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง, ข้อดีของมันคือการที่มาตรฐานนั้นได้รับการยอมรับค่อนมาก ซอฟต์แวร์จำนวนมากสามารถเปิดรองรับการยืนยันตัวบุคคลผ่านทาง OpenID ได้ในทันที

สิ่งที่เราต้องการตอนนี้คือหน่วยงานกลางที่จะทำหน้าที่ ยืนยันการมีตัวตนของ User ID หนึ่งๆ ที่อาจจะเข้าใช้งานบริการต่างๆ จำนวนมาก เช่น เว็บบอร์ด หรือบล็อกต่างๆ  โดยที่หน่วยงานดังกล่าวอาจจะต้องการการยืนยันแบบเป็นเอกสารจากทางเจ้าของ Account ที่จะสมัคร

ที่น่าสนใจคือหน่วยงานนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วยงานราชการเสมอไป

แต่การทำ National OpenID (NID) นี้เป็นกิจกรรมที่สร้างค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อคิดถึงปริมาณผู้ใช้ในหลักแสนคน (ซึ่งเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้) ค่าใช้จ่ายในการรวบรวมเอกสาร การทำ Identification ต่างๆ จะแทบไม่ต่างอะไรจากบัตรประชาชน เว้นแต่ว่าการทำงานอาจจะ Cost Efficient กว่ามาก

เราจะสร้างแรงจูงใจให้เกิด NID ได้ยังไงบ้างนอกจากการด่ารัฐบาลว่าออกกฏแต่ไม่ออกทางออก (เพราะไม่ต้องรับผิดชอบกับฐานเสียงประชาชน?) มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะสร้างหน่วยงานแบบนี้ในเชิงของเอกชนหรือ องค์กรอิสระ

ในเชิงเอกชนนั้นเราอาจจะคิดถึงหน่วยงานแบบ Consortium ที่เป็นการรวมตัวกันของเว็บที่หวังผลทางธุรกิจ แล้วลงเงินก่อตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาในรูปแบบของค่าธรรมเนียมในการเข้าใช้งานข้อมูใน OpenID โดยแน่นอนว่าต้องเป็นข้อมูลที่เจ้าของ Account ยินยอมเท่านั้น ปัญหาที่ตามมาคือเราจะคิดค่าธรรมเนียมกันอย่างไร เพราะขณะที่เว็บขนาดใหญ่อาจะยินดีจ่ายเงินหลายๆ หมื่นบาทต่อเดือนเพื่อใช้งานโดยไม่มีผลกระทบ เว็บเล็กๆ คงแทบไม่มีทางจ่ายเงินขนาดนั้นได้ การแก้ปัญหาด้วยการนับ Account ก็คงไม่ใช่ทางออกที่ดีเพราะเว็บขนาดเล็กที่เปิดตัวใหม่ อาจจะมีการเข้าใช้งานเกินความเป็นจริง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

ทางออกที่เป็นไปได้อาจจะเป็นไปในรูปแบบของ Service Level Agreement โดยแต่ละเว็บจะจ่ายเงินเพื่อขอการรับประกันความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ เช่นเว็บใหญ่ๆ อาจจะต้องการ 500 รายชื่อต่อนาที แต่เว็บขนาดเล็กต้องการเพียง 5 รายชื่อต่อนาทีเท่านั้น โดยหากเป็นช่วงเวลาที่ระบบโหลดไม่เต็มเว็บขนาดเล็กก็จะได้บริการไปในแบบที่ไม่มีการรับประกัน และอาจจะมีการบังคับจ่ายเพิ่มในกรณีที่มีการใช้งานเกินต่อเนื่อง

ในแง่ของหน่วยงานราชการนั้นอาจจะกลับข้างกัน โดยราชการอาจจะเลือกเก็บเงินกับเจ้าของ Account แทน เนื่องจากเป็นผู้ได้รับประโยชน์ โดยอาจจะมีแบบฟอร์มแนบตอนทำบัตรประชาชนว่าต้องการ NID ด้วยหรือไม่ ถ้าต้องการก็จ่ายเงิน 20 บาทอะไรอย่างนั้น หน่วยงานนี้อาจจะต้องเป็นหน่วยงานอิสระจากรัฐบาลโดยมีรายได้เป็นของตัวเอง เพื่อให้แน่ใจได้อีกขั้นว่ารัฐบาลจะไม่เอาข้อมูลการเข้าถึงเว็บต่างๆ ไปใช้ซี้ซั้ว โดยการเข้าใช้งานข้อมูลเหล่านั้นสามารถทำได้โดยการขอหมายศาล ตรงนี้รัฐบาลเองก็จะสะดวกขึ้นเพราะรู้ว่าต้องไปเอาข้อมูลจากใคร