backoff

การถอยหลังคือการถอยหลัง

ถ้าอยากเดินหน้าเราต้องเดินไปข้างหน้า

ไม่มีใครอยากเดินหน้าแล้วถอยหลัง

คนที่ถอยหลังคือคนที่อยากถอยหลัง

คนที่บอกว่าถอยก่อนแล้วค่อยเดินหน้า คือคนที่อยากถอยหลังมากที่สุด

 

TwitTOR

เพิ่งเริ่มเล่น Twitter เมื่อวานหลังจากได้ยินอาจารย์มะนาวบอกว่ามีคนถามหาอยู่ใน Twitter

พอเล่นๆ มาแล้วคิดเรื่องน่าสนใจมาได้คือระบบการสื่อสารแบบไร้ศูนย์กลางและติดตามผู้ส่งสารไม่ได้ โดยประเด็นนี้เองมีคนทำไว้แล้วนั่นคือ TorChat ที่เป็นเหมือน MSN แต่คำถามที่ตามมาคือในโลกที่ทุกคนต้องการปิดบังตัวเองเช่น Tor เราควรจะคุยกับใคร?

TwitTOR เป็นแนวคิดของการรวมกันระหว่าง microblogging กับเครือข่ายที่ป้องกันความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่ คนๆ หนึ่งอาจจะเริ่มต้นการแสดงความเห็นที่สาธารณะด้วยการนำ unique key ของ tor ไปวางไว้ในบอร์ดสาธารณะสักที่ และรอให้มีคน Add เข้ามา

ความน่าสนใจคือ ทุกคนใน TwitTOR ไม่ได้กำลังพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่กำลังพูดในที่สาธารณะ เรื่องที่ต้องระวังในระบบเช่นนี้คือเรื่องของ load ที่เมื่อมีคน follow คนใดคนหนึ่งมากๆ แล้วอาจจะทำให้โหลดสูงเกินไปได้ ในกรณีเช่นนี้อาจจะต้องสร้าง proxy ตรงกลางที่มีระบบ digital-signature เพื่อยืนยันว่า micro-blog นั้นมาจากคนที่เราต้องการจะ follow จริงๆ พร้อมกับระบบ forward ที่บอกได้ว่าหากต้องการ follow แล้วให้ไป follow จาก proxy ใด

 

ยอมรับ

เรื่องที่ท้าทายที่สุดเรื่องหนึ่งของผมคือการยอมรับความผิด และพลาดทั้งหลายที่ได้ทำลง ในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านๆ มา

การทำผิดและพลาดไม่ใช่เรื่องดีและน่าภูมิใจแต่อย่างใด แต่หลายๆ ครั้ง (จริงๆ แล้วคงเกือบทุกครั้ง) สิ่งที่สำคัญมากคือการยอมรับให้ได้ว่าการตัดสินใจของเรานั้นไม่สมบูรณ์ และต้องการการแก้ไข พร้อมๆ กับการถ่ายทอดประสบการณ์ที่ผิดพลาดนั้นเพื่อให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้เดินไปในทางที่ไม่ซ้ำรอยที่ผิดพลาดของเราอีกครั้ง

ในชีวิตจริง มนุษย์เรามักมีกลไกในการปกป้องตัวเองอยู่เสมอๆ เรามักหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายความผิดพลาดของเราได้อย่างสวยหรู แต่ในใจเราก็รู้ดีว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นไม่ได้สวยหรูอย่างเราอ้างไว้นั้น

ถึงจุดหนึ่ง เราต้องยอมรับความผิด ถึงจุดหนึ่ง เราต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น และถึงจุดหนึ่งเราต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์นั้น และแก้ไขความผิดพลาดนั้นให้ดีที่สุด

มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ใช่เรื่องสนุก ตรงข้ามมันเจ็บปวดเสมอกับการต้องยอมรับและแก้ไข

แต่ความผิดพลาดแทบทุกอย่างมีทางแก้ไขเสมอ และยิ่งกว่านั้น การแก้ไขนั้นให้ผลดีกับตัวเรามากกว่าที่เราจะทนอยู่กับความผิดพลาดนั้นไปเรื่อยๆ เสมอ

ถ้าเราสามารถตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้ และเราเริ่มต้นแก้ไขมันได้

หลังจากจุดนั้น เมื่อเราได้มองกลับมาที่ตัวเราในอดีต เราคงยิ้มและดีใจที่เราได้เรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

 

เปิดเผย

พอดีว่าไปเที่ยวลาวมาครับ ว่าจะซื้อคีย์บอร์ดภาษาลาวมาเป็นของฝากชาว Blognone (อยากใช้เองด้วย) แต่พอดีไปช่วงปีใหม่ ร้านปิดหมดไว้ แต่มีแววว่าจะได้ไปอีกเพราะรอบนี้ไป จำปาสัก (ลาวใต้) คงได้ไปลาวเหนือ กับลาวกลาง ในไม่ช้า

เรื่องไปเที่ยวโดยหลักๆ แล้วก็ธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้ แต่เป็นเรื่องภาพข้างบนที่แปะไว้

ภาพข้างบนนี้ที่น่าสนใจมาก เพราะมันคือภาพข้างฝาผนังด้านนอกของกระท่อมชนเผ่าพื้นเมือง ที่สร้างห้องพิเศษยื่นออกมาเอาไว้ให้ลูกสาวอยู่ ส่วนหน้าต่างนั้นไม่ได้มีไว้ระบายอากาศ แต่เอาไว้ให้หนุ่มๆ ที่จะมาจีบลูกสาวบ้านนั้นได้ขอจับมือบ้าง

น่าสนใจมากว่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างดั้งเดิมแบบนี้ ยอมรับการคบหากันแบบเปิดเผยโดยมีพ่อแม่รับรู้อยู่เป็นเรื่องปรกติ  ต่างกับสังคมที่ผมเห็นในชีวิตประจำวันที่การคบหากันของหนุ่มสาวจะเป็นเรื่องห่างไกลพ่อแม่ไปทุกที

โดยส่วนตัวแล้วเนื่องจากเป็นคริสตชน สังคมรอบตัวผมจะมีบรรทัดฐานอีกแบบ เช่นการอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องรับไม่ได้, การคบหากันควรมีคนนอกรับรู้, ควรคบหากับคริสตชนด้วยกันเท่านั้น ฯลฯ

แต่ไม่ว่าสังคมรอบตัวแต่ละคนเป็นอย่างไร ผมมองว่าพ่อแม่มีส่วนเป็นอย่างมากที่จะกำหนดค่านิยมให้กับลูก และเรื่องของการคบหากันของลูก ไม่ควรเป็นเรื่องที่โดนปิดบังจากพ่อแม่ ส่วนที่ว่าพ่อแม่จะเข้าไปจัดการมากน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องของแต่ละครอบครัวกันไป

ไม่ว่าค่านิยมของแต่ละคนเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าวัฒนธรรมการคบหาโดยพ่อแม่รับรู้เป็นสิ่งที่ดีเสมอ