เป็นไรว่ะ?

ฺB1 – เฮ่ย คอมกูเป็นไรไม่รู้ว่ะ แม่งอยู่ดีๆ นิ่งไปเลย

B2 – แล้วมึงไปทำอะไรมัน

B1 – กูป่าว

B2 – มึงนึกดีๆ ก่อนมันเจ๊งมึงใช้ทำอะไร

B1 – กูจะฟังเพลง เลยใส่ซีดีเข้าไป แล้วมันนิ่งไปเลยว่ะ

B2 – ไหนกูดูแ่ผ่้นหน่อย

B1 – นี่ไง แผ่นแท้ด้วย

B2 – แล้วใครใช้มึงซื้อแผ่นแท้ แม่งทำเครื่องเจ๊งบ่อยจะตาย วันหลังไปซื้อเอ็มพีสามมาฟังนะ กูขี้เกียจซ่อม

B1 – อ่าวเหรอว่ะ

 

No DRM(2)

เมื่อวานหลังจากเพิ่งซื้อเด็กหอมาดู มองไปเห็น Catarock 7 คิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะฟังเพลงหนักๆ อย่างนี้อีกสักทีเหมือนกัน

กำลังจะหยิบอยู่แล้ว…

ด้านหลัง มีแถบข้อความขนาดครึ่งเซน ระบุไว้ว่า “ไม่รับประกันความเสียหาย หากนำแผ่นซีดีนี้ไปใช้่กับคอมพิวเตอร์”

……คิดได้ยังไง……

ผมเอาป้ายไปแปะหน้าบ้านมั่งดีไหม ว่า ถ้าโจรคนไหนเข้าบ้านผมจะโดนยิง ไม่มีการจับเป็น

การใช้ DRM โดยค่ายเพลงในระยะหลังทำโดยไร้ความคิด และไร้ความรับผิดชอบกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าจะถึงเวลาแล้วที่เราจะต่อต้านมัน

โดยส่วนตัวผมเองแล้ว การใช้ DRM เป็นสิทธิพึุงกระทำได้ของผู้ขาย คนๆ หนึ่งทำเพลงขึ้นมาเพลงนึง แล้วคุณจะขายเป็น เทป, ซีดี, เอ็มพีสาม, หรือจะเป็นแผ่นเสียง มันก็เป็นเรื่องของผู้ขาย DRM ก็ไม่ต่างกัน คือผู้ขายบอกว่าสามารถฟังเพลงที่ซื้อไปบนอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว มันก็สามารถทำได้

…..หากแจ้งให้ผู้ใช้รับทราบอย่างชัดเจน….

การซื้อซีดีมาแผ่นหนึ่ง แล้วพบว่าแผ่นนั้นมีเทคโนโลยีประหลาดบ้าบอ ที่มีคนทำแผ่นรู้กันอยู่สามสี่คน เป็นการไร้ความรับความผิดชอบชนิดที่ไม่ควรให้อภัย

อีกด้านคือความเชื่อที่จะลดการละเมิดลิขสิทธิ์โดยความพยายามใส่ DRM นับร้อยนับพันยี่ห้อในตอนนี้ คนที่เดือดร้อนหนักที่สุดไม่ใช่คนละเมิดลิขสิทธิ์อย่ืาง Vampire Record หรอก

…..แต่เป็นลูกค้าที่ซื้อแผ่นแท้นั่นแหละ….

ผมซื้อซีดีแผ่นแท้มา กลับไม่สามารถฟังได้เป็นปรกติสุข เครื่องผมอาจจะพัง แม่ผมอาจจะยืมแผ่นไปฟังแล้วเปิดไม่ขึ้น

เพื่อนผมซื้อของเถื่อนมา ใช้ได้ครบโดยไร้ปัญหา การกระทำเช่นนี้มันทำลายความเชื่อที่ว่าอย่าซื้อของเถื่อน เพราะแผ่นอาจมีปัญหาไปซะหมด ความคิดต่อไปในอนาคตคือถ้าไม่อยากมีปัญหา ก็ซื้อของเถื่อนมาฟังเอา สบายใจดี

……อย่างนั้นใครจะได้ประโยชน์กันแน่…..

 

ผิด

คุยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง

ลิ่ว – พี่ครับ ผมจะเอา PageMaker กับ Word ออกแล้วนะครับ

พี่ – อ้่าว ทำไมล่ะ พี่ใช้อยู่นะ

ลิ่ว – มันผิดลิขสิทธิ์น่ะครับ

พี่ – ไม่เห็นเป็นไปเลย เค้าไม่มาจับหรอก

ลิ่ว – แต่มันผิดนะครับ

พี่ – เอาน่า พี่ใช้อยู่ ไม่เป็นไรหรอก

มันต่างอะไรกับการที่เราบอกว่าเราวิ่งราวมาเพราะเรา “ใช้” เงินอยู่ และตำรวจยังไม่มาจับเรา ทำไมความผิดต้องเป็นเรื่องของที่ว่าเราโดนจับรึเปล่า

ในความเป็นจริงแล้ว เราทุกคนรู้อยู่แก่ใจข้างในดีว่าอะไรผิดไม่ผิด เราแค่คิดง่ายๆ ว่าเรายังไมโดนจับ แล้วเราก็ยอมรับความผิดไปอย่างง่ายๆ

เรื่องของเรื่องมันคือความมักง่าย

มันเป็นเรื่องเดีัยวกับคนที่เอาหมากฝรั่งแปะบนกำแพงชาวบ้าน เรื่องเดียวกับคนทิ้งขยะข้างถนน และเรื่องเดียวกับคนทดเลขลงไปในหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด

มันก็แค่นั้น

 

อันตราย

เรื่องหนึ่งที่เราเจอกันในการถกเถียงเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์คือ เรื่องของอุปกรณ์การทำสำเนาอย่างเครื่องเขียนซีดี เครื่องถ่ายเอกสาร ไปจนถึงกล้องวีดีโอ

เรื่องที่ถกกันคือ เครื่องทำสำเนาพวกนี้เป็นต้นตอของการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ด้านเ้จ้าของลิขสิทธิ์มักระบุเสมอๆ ว่าหากไม่มีเครื่องทำสำเนาเหล่านี้เกลื่อนกลาด การละเมิดลิขสิทธิ์ก็คงไม่มากเท่านี้

ด้านผู้บริโภคก็ป้องกันตัวเองด้วยว่าในเมื่อซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว จะเอาไปฟังยังไงมันก็เรื่องของเรา ผมเองซื้อซีดีของแท้มาซักแผ่น ก็มักจะก๊อปเก็บเอาไว้เสมอๆ โดยเฉพาะแผ่น Bakery/LoveIs ที่ต้องก็อปเอาของก็อปไปใส่กล่องจริง แล้วเอาแผ่นจริงไปใส่กล่องเก็บซีดีจริงๆ เพราะใส่อย่างที่ซื้อมาแล้วมันเป็นรอย -_-”

เรื่องอย่างนี้มันเหมือนไข่กับไก่ ที่เถียงกันไปกันมา มันก็จริงกันทั้งคู่

ล่าสุดด้านผู้ผลิตลงมติให้เครื่องบันทึกทั้งหลายต้องเข้ามาตรฐานการไม่บันทึกข้อมูลที่ระบุไว้ในตัวว่าห้ามทำสำเนา อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่เป็นเรืองจริงคือในไม่กี่ปีข้างหน้า เครืื่องบันทึกซีดีของคุณจะอ่านข้อมูลในซีดีว่ามันยอมให้ทำสำเนารึเปล่า มันถึงจะก็อปต่อไปได้ เรื่องที่เจ็บปวดกว่านั้นคือเครื่องบันทึกทุกประเภทจะต้องเข้ามาตรฐานนี้หมด โดยอาจจะรวมถึงเครื่องบันทึกอนาล็อก หมายความว่าต่อให้คุณเอาไมค์จ่อลำโพง ถ้าเพลงมันห้ามก็อป ไมค์คุณก็อัดไม่ิติด…

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงพ่อแม่ที่ห้ามไม่ให้ลูกเล่นเกม หรือดูการ์ตูน เพราะเชื่อว่ามันเป็นต้นตอของความชั่วร้าย ความเกียจคร้าน ฯลฯ

มีดทำครัวเอาฆ่าคน ก็มีคนตาย แต่ถ้าเอาไปทำอาหาร มันทำให้คนรอดตายเพราะมีข้าวกิน

เช่นกัน ผมเชื่อว่ามันมีวิธีอีกมหาศาลที่ทำให้คนใช้เครื่องทำสำ้เนาในทางที่ดีพร้อมๆ เช่นเดียวกันกับการดูการ์ตูนและเล่นเกมให้ได้ประโยชน์

ขณะที่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า mp3 และเครื่องไรต์ซีดีีที่เป็นจุดกำเนิดของเครื่องการละเมิดลิขสิทธิ์กันมหาศาลนั่นเอง ที่เป็นตัวจุดประกายของธุรกิจพันล้านอย่าง iTunes หรือในเมืองไทยเองก็ได้อนิสงค์ จากการขยายตัวของตลาดซีดีที่ส่วนต่างกำไรสูงกว่ามาก

วันนี้ืที่ไมโครซอฟท์ฺไม่เอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ผมเชื่อว่าไมโครซอฟท์ก็รู้ตัวดีว่าคนละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่คนที่ยินดีจ่ายเงินให้ไมโครซอฟท์อยู่ีแล้ว การไปบีบคนกลุ่มนี้มากๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากการที่คู่แข่งอย่างลินิกซ์จะเติบโตขึ้นมาในตลาด

ตรงกันข้าม หากมีทางออกที่ดีกว่า มันให้ผลที่ทั้งสองฝ่ายพอใจได้เสมอ

ในวันนี้ที่ซีดีเพลงแกรมมี่ขายกันได้แผ่นละ 120 มันทำให้ผมมีความสุขเพราะซื้อได้สบายใจ แกรมมี่มีความสุขเพราะได้เงินผม

NOD32 ขายกันปีละ 249 บาท ผมมีความสุขเพราะได้ใช้อย่างสบายใจ ผู้ผลิตมีความสุขเพราะได้เงิน

สมัยผมเป็นเด็กๆ ผมได้ดูการ์ตูนโดยแลกกับการที่มันเป็น Sub-Eng เมื่อสิบห้าปีก่อนสมัยเป็นแผ่น LD ตราบใดมันไม่เป็นซับไทย ข้อแลกเปลี่ยนระหว่างผมกับพ่อคือการที่ผมได้ดูการ์ตูน และพ่อผมได้เห็นผมเรียนภาษา

แม่ผมซื้อโดเรมอนให้หลังฉีดวัคซีน แม่ไม่ต้องฟังผมแหกปากหลังฉีดยา ผมไม่ต้องเจ็บตัวฟรี….

ทุกอย่างมันมีทางออก มีทางที่ลงตัว มันยากกว่าการตอบรับหรือปฏิเสธกันดื้อๆ แต่มันให้ผลที่คุ้มค่าเสมอ

ขึ้นอยู่กับเราว่าจะลงทุนหรือไม่เท่านั้นเอง