Poll

หลังการเลือกตั้งพลิกโผ สิ่งที่ตามมาคือการนำผล “โพล” มาวิเคราะห์ในหลายแง่หาสาเหตุที่ผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามคาด

โพลที่่เพิ่งคาดผลการเลือกตั้งผิดนั่นล่ะ ชุดเดียวกัน เวลาไม่กี่ชั่วโมงไม่มีใครมีเวลาทำโพลใหม่หรอก

โพลเป็นเครื่องมีที่คุณค่า แต่สื่อนำมาใช้อย่างเกินจริง เครื่องมือวิจัยที่ควรอ่านและแปลผลอย่างถ้วนถี่ วิจารณ์ถึงความแม่นยำอย่างสุขุม กลับถูกนำมากล่าวซ้ำไปมาจนกลายเป็นความจริงอันเป็นนิรันดร์ โพลที่สำรวจอย่างจำกัดยิ่งกว่างานวิจัยแคบๆ ที่ให้เฉพาะด้านของระดับปริญญาตรี กลับถูกขยายความไปมา

ไม่มีการแจ้งข้อจำกัด ไม่มีการตั้งคำถาม มันกลายเป็นความจริงที่เราเอามาคุยกัน เป็นคัมภีร์ของเรื่องราวประจำวัน

เธอรู้ไหม ว่าคนหนุ่มสาวเลือก X ไม่ได้เลือก Y ถ้านี่ให้แค่คนมีความรู้เรื่อง Z จะชนะตั้งเท่านั้นเท่านี้

เช่นเดียวกับการนำเสนองานวิจัยอื่นๆ ที่สื่อที่นำเสนอควรเป็นคนเสียเวลาไล่หาว่างานวิจัยที่ผู้วิจัยโม้ว่าดีงั้นงี้ มีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง ซึ่งหากนักวิจัยมีจรรยาบรรณก็ควรใส่ไว้ในรายงานวิจัย แต่หากงานถูกนำมา PR องค์กรก็มักจะไม่ได้ระบุไว้ การแถลงผลโพลต่างๆ ก็ควรจะมีการกำกับที่ดีพอว่างานมีความครอบคลุมแค่ไหน (สำรวจแค่ออนไลน์ สำรวจอย่างไร สุ่มมาแค่ไหน) ไปจนถึงถ้ากระบวนการมันดูดีแล้วแต่มันเพิ่งผิดเพิ่งพังมา ก็ควรเตือนคนอ่านไว้ ว่ากรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ อาจจะไม่ตรงกับผลแบบนี้

garbage in, garbage out โพลที่ทำโดยกระบวนการมีปัญหา แถมพิสูจน์แล้วว่ามีปัญหา (เพิ่งทำนายผลผิด) ไม่มีทางสร้างบทวิเคราะห์ที่ดีได้

 

On Demand Generation

อ่านเจอเรื่องของคนรุ่นหนึ่งมองคนอีกรุ่นหนึ่งมาเยอะ คิดว่าคงเป็นเพราะอินเทอร์เน็ตที่ทำให้คนหลายๆ รุ่นมาเจอคำบ่นของคนอีกรุ่นกันได้ ไม่อย่างนั้นเรื่องพวกนี้ก็น่าจะอยู่แค่บนโต๊ะกินข้าวของคนร่วมรุ่นกันเท่านั้น

เรื่องคำบ่นว่าขี้เกียจหรือไม่คงแล้วแต่ประสบการณ์จะพบเจอกัน แต่โดยรวมๆ ผมเรียกคนรุ่นต่อไป ที่กำลังเริ่มทำงานหรือใกล้จะเรียนจบแล้ว ว่า on demand generation

คนรุ่นนี้เติบโตมากับการออนไลน์มากกว่าทีวี พวกเขาเจอกับเว็บดีล, ตั๋วเครื่องบินราคาถูก, โปรโมชั่นโรงแรมช่วง low season, เว็บเซิร์ฟเวอร์แบบคลาวด์ ฯลฯ

พวกเขาเรียนรู้เต็มที่ว่าหากคุณมีเวลาต่างจากคนอื่น คุณสามารถมีทำอะไรภายใต้รายได้ที่ไม่ต้องสูงมากได้มากมาย พวกเขาตั้งคำถามกับการแห่แหนกันไปเที่ยวช่วงสงกรานต์และปีใหม่ เพราะพวกเขารู้ว่าหากเลื่อนการเดินทางไปอีกสองสามวันก็สามารถเดินทางได้ใกล้เคียงกัน คนน้อยกว่า เที่ยวได้มากกว่า และราคาอาจจะเหลือเพียงครึ่งเดียว

พวกเขาดูรายการทีวียอดฮิต “หลัง” จากรายการฉายไปแล้วหลายชั่วโมงถ้ารายการนั้นดังมากๆ หลายวันถ้าเพื่อนๆ เริ่มพูดถึง และอาจจะหลายเดือนหรือปีถ้ามารู้ที่หลังว่ารายการนั้นน่าสนใจ พวกเขาไม่มีตารางเวลาที่จะกลับบ้านไปดูละครเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว

อิสระทางเวลากลายเป็นสิ่งที่พวกเขามองเป็นเงินได้อย่างชัดเจน ต่างจากคนรุ่นก่อนที่การไปเที่ยวช่วงเวลาซ้ำซ้อนกับคนอื่นก็ทำให้รถติดบนทางไปหัวหินไม่กี่ชั่วโมง ลักษณะงานที่เป็นงานประจำและทำงานต่อเนื่องยาวนานแทบไม่มีการเปลี่ยน เวลาเข้างานตรงเวลาออกจากงานตรงเวลา

น่าสนใจว่าความต่างเช่นนี้ถ้าใครเข้าใจและปรับกระบวนการทำงานได้ก็คงมีโอกาสเลือกคนได้เยอะขึ้นไม่น้อย ลองคิดสภาพออฟฟิศที่เปิดโอกาสให้เลื่อนวันหยุดได้ตามใจชอบ ทำไมคุณจะไม่มาทำงานช่วงสงกรานต์ ถ้ารถในกรุงเทพมันจะโล่งสบาย และรอไปเที่ยวอีกสักสัปดาห์หลังจากนั้น ชั่วโมงทำงานที่เลือกได้ว่าอาจจะเข้างานสิบโมงออกจากงานสองทุ่มหลบรถติด

บางทีพวกเขาก็ไม่ได้อยากเป็น “ฟรีแลนซ์” ที่ไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น แต่ออฟฟิศดั้งเดิมไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตพวกเขาได้

 

เทคโนโลยีทำให้คนเท่ากัน

อ่านหนังสือ In Order to Live ของ Park Yeonmi อยู่แล้วเจอเรื่องเล่าตอนหนึ่งที่ Yeonmi ได้พบกับ “ผ้าอนามัย” เป็นครั้งแรกทำให้นึกขึ้นได้ว่าผ้าอนามัยเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้ความเท่าเทียมระหว่างเพศเป็นจริงได้เช่นทุกวันนี้

Yeonmi เล่าถึงเกาหลีเหนือที่ผู้หญิงไม่สามารถออกจากบ้านได้เดือนละหลายๆ วันเพราะประจำเดือน พอเธอมาเจอกับผ้าอนามัยทำให้เธอสามารถไปไหนมาไหนได้แม้แต่ในช่วงที่มีประจำเดือน

กลับมาคิดดูด้วยมุมมองของคนที่เหมือนเดินทางข้ามเวลามา 50-60 ปีอย่าง Yeonmi ข้อจำกัดอย่างประจำเดือนทำให้ยังทำให้ผู้หญิงทั่วโลกสามารถทำงานได้เท่าเทียมผู้ชายได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก เทคโนโลยีในวันนี้เอง เมื่อมันซึมซับเข้าไปในสังคมก็อาจจะเปลี่ยนสังคมในระดับเดียวกัน

อย่างเทคโนโลยีสำหรับผู้หญิง เช่น การมีลูกได้ในช่วงอายุที่กว้างขึ้นที่ทุกวันนี้เริ่มมีแล้วด้วยเทคโนโลยีการแช่แข็งไข่ (แต่ยังมีประเด็นอีกมาก) ในอนาคตผู้หญิงก็สามารถเติบโตในหน้าที่การงานจนพอใจ ครอบครัวที่มีทุนเริ่มต้นน้อยสามารถสร้างฐานะได้เป็นเวลานานจนกว่าจะมีลูก

เราเดินทางมาไกล และเส้นทางที่เราเดินไปอาจจะทำให้เรารู้สึกแปลกๆ แต่ถ้ามองว่าเราคงย้อนกลับเส้นทางที่เราเคยผ่านมาแล้วไม่ได้ ในอนาคตก็อาจจะคล้ายๆ กัน

 

Platform as a Product

เรื่องแพลตฟอร์มเป็นเรื่องที่คนไอทีได้ยินกันมากในช่วงหลัง ตั้งแต่แอปเปิลมีแอปสโตร์ และกูเกิลมี Docs, Drive, Play, และ Plus  เราเห็นชัดเจนว่ามันมีประโยชน์อย่างไรกันบ้าง

แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องของแพลตฟอร์มไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกไอทีเท่านั้น อีกบริษัทหนึ่งที่ทำให้แพลตฟอร์มกลายเป็นสินค้าได้อย่างรุนแรง คือ ร้านเฟอร์นิเจอร์ที่เราได้ยินชื่อบ่อยๆ อย่าง IKEA แถมแพลตฟอร์มอย่าง IKEA ยังเป็นแพลตฟอร์มปิดแทบจะสมบูรณ์แบบ คนภายนอกเข้าไปร่วมอยู่ในแพลตฟอร์มได้ยากมาก และภายใน IKEA เองยังมีแพลตฟอร์มของตัวเองอีกหลายระบบในแต่ละชุดสินค้า

ตัวอย่างเช่นเก้าอี้นั่งเล่นพัวแอง (POÄNG) IKEA มีเก้าอี้ตระกูลนี้ตระกูลเดียวในเว็บถึง 159 รายการ

phaw-x-ng-keaxi-yok__0152988_PE311285_S4

แต่ IKEA ไม่ได้ทำ 159 รายการนี้ออกมาจริงๆ ที่จริงแล้วพัวแองเป็นเพียงแพลตฟอร์มของเก้าอี้นั่งเล่นเท่านั้น มันคือสเปคกลางที่เข้ากันได้ระหว่างของสี่ชิ้น ได้แก่ โครงเก้าอี้, เบาะเก้าอี้, โครงวางเท้า, และเบาะวางเท้า ทั้งสี่ชิ้นมีขนาดที่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อเราซื้อเก้าอี้ ขณะที่เรากำลังเลือกว่าอยากได้รุ่นไหน ที่จริงแล้วเรากำลังเลือกว่าเราจะต้องการโครงเก้าอี้แบบไหน

Screenshot 2014-10-21 at 00.34.19Screenshot 2014-10-21 at 00.33.13

นอกจากรูปร่างโครงไม้แล้ว เรายังเลือกสีไม้อีกสามสี ทำให้เฉพาะโครงเองก็มีหกแบบ ทั้งหมดประกอบเข้ากับเบาซึ่งพอดีกัน เพัยง IKEA เพิ่มแบบเบาะขึ้นมาหนึ่งแบบก็จะได้เก้าอี้มาขายเพิ่มอีกหกรุ่นทันที

poang-footstool__0140161_PE300188_S4

พอขายเก้าอี้แล้วก็มาถึงเก้าอี้วางขา IKEA สามารถวางขายขาที่สีเข้ากันกับเก้าอี้เดิม เพราะจริงๆ ใช้วัสดุเดียวกัน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ขณะที่วัตถุดิบตั้งต้นใกล้เคียงกัน เมื่อสต็อกผ้าแบบหนึ่งก็สามารถนำมาผลิตได้ทั้งเก้าอี้นั่ง และเกาอี้รองขา

xiwar-chan-khang__21487_PE106438_S4

แพลตฟอร์มแบบนี้มีจำนวนมากใน IKEA แพลตฟอร์มที่ใหญ่ๆ หน่อย เช่น ตู้หนังสือบิลลี่ (ขายชั้นวางเสริม, ประตูที่เข้ากันได้พอดี, ชั้นเสริมความสูง ฯลฯ), ตู้เสื้อผ้าพักซ์ (ขายโครง, ประตู, ชั้นวางภายใน), โต๊ะทำงานลินมูน (ขายพื้นโต๊ะแยกจากขาโต๊ะ โต๊ะ 5 ขาใช้ขาร่วมกับโต๊ะ 4 ขาธรรมดาได้ โต๊ะบางรุ่นใช้ตู้มาแทนขาได้ด้วยความสูงพอดีกัน น็อตเชื่อมตรงกัน), เตียงหลายตระกูลที่ขายแยกกันระหว่างพื้นเตียงและโครงเตียง, ไปจนถึงชั้นวางของ IVAR ที่ขายเป็นชิ้นๆ ชนิดที่ไม่น่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ในตัวเองได้ (ซื้อชิ้นเดียวแบบในภาพก็ขายนะ 400 บาท)

Screenshot 2014-10-21 at 00.54.15

มีคนเห็นคุณค่าของแพลตฟอร์มของ IKEA อยู่ไม่น้อย ในต่างประเทศมีร้านขนาดเล็กขายของที่ “เข้ากันได้” กับแพลตฟอร์มของ IKEA จำนวนมาก เช่น สติกเกอร์แปะตู้บิลลี่ได้พอดี ขาโต๊ะสำหรับคนที่เบื่อขาโต๊ะทำงานของ IKEA ฯลฯ ของพวกนี้จำนวนมากโฆษณาอยู่ใน IKEA Hackers 

ก็คงไม่ต้องแปลกใจที่ IKEA เกิดอยากจะสั่งห้ามโฆษณาหรือบังคับให้ปิดเว็บ