ด้วยการประมวลผลและเซ็นเซอร์

ผมเคยเขียนเรื่อง computation of things ไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน คำถามคือในภาพรวมแล้ว การที่อุปกรณ์ไฟฟ้าแทบทุกชิ้นในบ้านของเรามีคอมพิวเตอร์และเซ็นเซอร์จำนวนมากในตัวจะเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร นอกจากความหรูหราเป็นลูกเล่นเท่านั้น

คำตอบหนึ่งคือประสิทธิภาพพลังงาน

เราเห็นในเครื่องปรับอากาศยุคเก่าที่ประสิทธิภาพเข้าขั้นเลวร้าย เพราะไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปรับแอร์ให้เย็นเป็นจังหวะ ช่วงหัวค่ำที่เรากำลังเข้านอนเราจึงต้องปรับเครื่องให้อยู่ในระดับเย็นสบาย ก่อนจะพบว่าเมื่อถึงเวลาดึกแล้วห้องกลับเย็นเกินไปทำให้สูญเสียพลังงานไปโดยไม่จำเป็น

เราสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็นเช่นนี้อีกนับไม่ถ้วนในชีวิตประจำวัน เมื่อเราต้องการต้มน้ำเดือดมาชงชาสักแก้วด้วยไมโครเวฟ เราต้องประมาณเวลาเอาเองว่าจะใช้เวลาและความแรงเครื่องเท่าใด ในความเป็นจริงเราไม่เคยว่างมานั่งลดเวลาต้มน้ำลงเพื่อให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากตั้งใจวัดก็ทำได้ยากเพราะมีปัจจัยอื่นๆ เช่น อุณหภูมิห้อง หรืออุณหภูมิเริ่มต้นของน้ำเอง

เครื่องปรับอากาศยุคใหม่ล้วนปรับอากาศด้วยการบอกระดับอุณหภูมิห้องที่ต้องการ อนาคตแนวทางบอกความต้องการให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำตามอย่างพอดีน่าจะเป็นแนวทางปกติเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นล้วนมีคอมพิวเตอร์และเซ็นเซอร์ในตัว

ไมโครเวฟยุคต่อไปอาจจะมีโหมดต้มน้ำ ที่บอกได้พอดีว่าต้องการน้ำเดือดหรือไม่ หรือหากต้องการเดือดแล้วต้องการให้เดือดนานแค่ไหน หากต้องการน้ำร้อนก็สามารถกำหนดอุณหภูมิได้พอดี ตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์และต้มน้ำไปด้วยกำลังสูง ขณะที่วัดอุณหภูมิของน้ำไปเรื่อยๆ เมื่อได้ระดับที่ต้องการก็หยุดไปทันที

รูปแบบเช่นนี้สามารถขยายออกไปสู่สิ่งรอบตัวเราได้มากมาย หลอดไฟในบ้านอาจจะสามารถปรับแสงได้ และแทนที่เราจะเปิดหรือปิดไฟ เรากลับสามารถปรับระดับความสว่างของห้องแทน เมื่อเราเปิดม่าน หรือเวลากลางวัน หลอดไฟจะลดระดับความสว่างไปเอง

ไปไกลกว่านั้นอีกสักหน่อย ตู้ไมโครเวฟเหล่านั้นสามารถวัดระดับพลังงานของตัวเองที่ใช้ไปเพื่อการต้มน้ำได้ และรายงานออกมาเป็นตัวเลขว่าการต้มน้ำครั้งนั้นใช้พลังงานรวมเท่าใด เราอาจจะสังเกตได้ว่าวันนี้อากาศหนาวทำให้การต้มน้ำครั้งนี้ใช้พลังงานมากกว่าปกติ แต่หากเป็นวันที่อากาศร้อนแต่เครื่องยังใช้พลังงานสูงขึ้นต่อเนื่องก็อาจจะแสดงว่าเครื่องมีปัญหาบางอย่าง

เช่นเดียวกับเครื่องปรับอากาศที่แทนที่เราจะพยายามล้างแอร์ตามรอบ ที่แต่ละคนก็มีรอบที่ควรล้างไม่เท่ากัน เซ็นเซอร์จะช่วยคำนวณว่าที่เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพดีหรือไม่ หากเครื่องเริ่มอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ที่จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็สามารถเตือนผู้ใช้ให้ล้างแอร์ได้เองโดยไม่ต้องสนใจรอบการใช้งาน

รถยนต์ในอนาคตจะรายงานแทบทุกอย่าง รวมไปถึงน้ำหนักรถที่สามารถวัดจากความสูงของตัวถังรถจากพื้นได้ รถสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้ได้ว่าใส่ของน้ำหนักมากเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพพลังงานแย่ลง หรือหากที่น้ำหนักรถไม่หนักมาก แต่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันยังคงสูง ก็แสดงว่าถึงเวลาเข้าศูนย์ซ่อมบำรุงแล้ว

 

lewcpe

CTO at MFEC PLC. Chief Editor at Blognone.com